แกะรอยวิธีคิดของคนรวย.

อย่าเชื่อสักคำพูดที่ผมพูด. ทำไมผมถึงพูดอย่างนั้น? เพราะผมพูดจากประสบการณ์ของผมเพียงอย่างเดียว ไม่มีแนวคิดหรือความเข้าใจอันใดจริงหรือเท็จ ถูกหรือผิด เสมอไป มันเป็นเพียงแค่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับตัวผม
ผมก็เริ่มอย่างคุณนี่แหละเจ๊งไม่เป็นท่า แต่แล้วผมก็ได้รับคำแนะนำที่เปลี่ยนชีวิตผม และผมก็อยากส่งต่อให้คุณ ถ้าคุณยังทำได้ไม่ดีเท่าที่หวัง. นั่นหมายความว่ายังมีบางอย่างที่คุณไม่รู้
รู้ไหมว่าคนรวยส่วนใหญ่มีวิธีคิดที่คล้ายกันมาก ? จะว่าเป็นหลักทางวิทยาศาสตร์ก็ไม่เชิงหรอกนะ แต่ส่วนใหญ่แล้ว คนรวยมักคิดอย่างหนึ่งและคนจนก็จะคิดในแบบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงวิธีคิดเหล่านี้แหละที่ส่งผลต่อพฤติกรรม และการกำหนดชะตาชีวิตของพวกเขา
คนรวยรักษาสัจจะ
หยุดพล่ามแล้วลงมือทำ
กลยุทธแบบทันเกม แบบทันใจ
เราอาจมีเครื่องมือที่ดีที่สุดแล้ว แต่ถ้ากล่องเครื่องมือของเรามีรอยรั่ว(ชี้ไปที่หัวสมอง)เพียงนิดเดียวเราก็มีปัญหาแล้ว เพราะฉะนั้นหัวใจสำคัญคือการผสมผสานระหว่างปัจจัยภายใน(กล่องเครื่องมือ)เข้ากับปัจจัยภายนอก(เครื่องมือ) ทุกคนก็สามารถทะยานสู่ความสำเร็จรูปได้เหมือนกัน
คุณจะเข้าใจว่าความฝังใจในวัยเด็กส่งผลต่อแผนผังทางการเงินในหัวคุณได้อย่างไรและผลกระทบเหล่านี้สามารถนำไปสู่ความคิดและพฤติกรรมที่บ่อนทำลายตัวเองได้อย่างไร คุณจะได้เรียนรู้อำนาจของการประกาศเจตจำนง. ซึ่งจะช่วยคุณแทนที่วิธีคิดแบบบ่อนทำลายตัวเองด้วยการเปิด”แฟ้มข้อมูลแห่งความมั่งคั่ง”. เพื่อที่คุณจะวิธีคิด….ประสบความสำเร็จ…เช่นเดียวกับคนรวยทั้งหลาย
ในส่วนของซีรีส์นี้. เราจะพูดถึงสภาพเงื่อนไขของแต่ละคนที่ถูกกำหนดมาให้คิดและปฏิบัติแตกต่างกันไปเมื่อพูดถึงเรื่องเงินๆ. ทองๆ. และพูดถึงกลยุทธ์สำคัญสี่ข้อในการร่างแผนผังการเงินในหัวเราขึ้นมาใหม่ ในส่วนที่สอง เราสำรวจความแตกต่างระหว่างวิธีคิดของคนรวย คนมีฐานะปานกลาง และคนจน. พร้อมนำเสนอทัศนคติสิบเจ็ดประการและข้อปฏิบัติที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิตทางการเงินของคุณอย่างถาวร
ผมก็เหมือนกับพวกคุณหลายๆคน ผมว่าผมมี”ศักยภาพ” ในตัวสูงมากแต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้แสดงออก และ หลายคนถามผมว่าความสำเร็จของผมเป็นแบบ”ครั้งเดียวจอด”หรือเป็นความสำเร็จอย่างต่อเนื่องขอบอกอย่างนี้ก็แล้วกัน ผมใช้หลักการกล่าวถึงในหนังสือ “ถอดระหัสลับสมองเงินล้าน” จนมีรายได้หลายสิบล้านดอลล่าร์และเป็นอัครมหาเศรษฐีหลายร้อยรอบแล้ว. การลงทุนและการตัดสินใจทางธุรกิจของผมทุกครั้งดูเหมือนจะพุ่งทะยานขึ้นสู่สูงเสียดฟ้า! บางคนบอกผมว่า”ผมมีสัมผัสแห่งไมดาส”(สัมผัสที่หก) เพราะจะจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง ******แต่แท้ที่จริงแล้วมันคือการมีแผนผังการเงินในหัว*****ซึ่งปูทางไปสู่ความสำเร็จนั่นเอง และคุณก็สามารถมี
ได้เช่นกัน เมื่อคุณได้เรียนรู้หลักการและคำแนะนำจากผม
ในฐานะมนุษย์เราต่างเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ไม่มีใครอยู่ดหนือธรรมชาติได้ ผลที่ตามมาคือ เมื่อเราคล้อยตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติและความสนใจกับราก ซึ่งเปรียบกับภาวะภายใน”ตัวเราชีวิตเราก็จะ ดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่ถ้าเราไม่ทำเช่นนั้น ชีวิตก็คงต้องพบกับความยากลำบาก
คุณเปลี่ยนผลไม้ที่อยู่บนต้นนั้นไม่ได้ แต่คุณสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตของผลไม้ได้ แต่การจะทำเช่นนั้นคุณต้องขุดลึกลงไปในดินและทำให้ต้นไม้ของคุณสมบูรณ์แข็งแรง
มิติสี่ด้านของการใช้ชีวิต คือ ความคิด อารมณ์ จิตใจ สู่วัตถุ หนึ่งในเรื่องที่คุณต้องรู้คือ คนเราไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่บนมิติเดียว แต่ใช้ชีวิตอยู่บนมิติสี่ด้านเป็นอย่างน้อย สิ่งที่ปรากฎออกมาในด้านวัตถุนั้น เป็นเพียงแค่ผลผลิตของมิติ อีกสามด้าน ยกตัวอย่างเช่น. สมมุติคุณเพิ่งพิมพ์จดหมายลงในคอมพิวเตอร์ คุณกดสั่งพริ้นต์และจดหมายก็ถูกพริ้นต์ออกมา คุณตรวจดูจดหมาย ผลปรากฏว่ามีจุดที่พิมพ์ผิด คุณจึงหยิบยางลบคู่ชีพมาลบจุดที่ผิดออก จากนั้นก็กดสั่งพรินต์อีกครั้งแต่ผลออกมาก็ังผิดตรงจุดเดิมอยู่ดี. หายตายเถอะ มันเกิดขึ้นได้ยังไง? คุณเพิ่งลบทิ้งไปแท้ๆ คราวนี้คุณจึงหยิบยางลบขึ้นมาใหม่และลบแรงขึ้นและนานขึ้น คุณถึงกับศึกษาสมุดหน้าเหลือง. ซึ่งอธิบายถึงวิธีการลบอย่างมีประสิทธิภาพ ถึงตอนนี้คุณมี”เครื่องมือ”. และความรู้ที่จำเป็นอย่างครบครัน คุณพร้อมแล้ว คุณจึงกดปุ่มสั่งพริ้นต์ แต่ก็ยังเกิดความผิดพลาดแบบเดิมขึ้นอีก! “ไม่มีทาง”. คุณร้องออกมาด้วยความงงงัน “. มันเป็นไปได้ยังไง ? เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? นี่ฉันอยู่ในมิติพิศวงหรือไง?” สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ปัญหาที่แท้จริงไม่สามารถแก้ไขได้จาก”กระดาษที่พริ้นต์ออกมา” หรือมิติด้านวัตถุ แต่จะแก้ไขได้ด้วยการเปลี่ยนแลงที่”โปรแกรม”. ซึ่งเป็นมิติด้านความคิด อารมณ์และจิตใจเท่านั้น ****** เงินคือผลลัพธ์ ความมั่งคั่งคือผลลัพธ์ สุขภาพคือผลลัพธ์ ความเจ็บป่วยคือผลลัพธ์ น้ำหนักตัวของคุณก็คือผลลัพธ์ พวกเราทุกคนล้วนอยู่ในโลกของเหตุและผล*******